หนุ่มสาวกินหมูกระทะก่อน ฆ่าตัวตาย จนท.เร่งนำตัวส่งรพ.

หนุ่มสาวกินหมูกระทะก่อน ฆ่าตัวตาย จนท.เร่งนำตัวส่งรพ.

หนุ่มสาวเช่าห้องพักในรีสอร์ท แต่ไม่ยอมเช็คเอาท์ จนเจ้าหน้าเปิดเข้าไปพบ ฆ่าตัวตาย นอนน้ำลายฟูมปาก และรีบช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาล วันนี้ (7 ธ.ค.) เกิดเหตุ 2 วัยรุ่นพยายาม ฆ่าตัวตาย ในห้องน้ำรีสอร์ทแห่งหนึ่ง จ.ขอนแก่น ก่อนเจ้าหน้าที่จะทำการช่วยเหลือและเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล

จากการสอบถามพนักงานรีสอร์ทพบว่า วัยรุ่นคู่นี้คือ นายกฤษณะ อายุ 19 ปี และนางสาวรัตติยา อายุ 24 ปี ได้เข้ามาขอเช่าห้องในวันที่ 5 ธ.ค.

ถัดมาในวันที่ 6 ธ.ค. ทั้งสองคนได้สั่งหมูกระทะมากินจนถึงเวลาประมาณ 23.00 น. ก่อนที่จะต้องเช็คเอาท์ออกในวันรุ่งขึ้น ซึ่งก็คือวันนี้ พอถึงช่วงเช้า แม่บ้านจะเข้าไปทำความสะอาดห้อง กลับพบว่าห้องยังล็อค จึงแจ้งเจ้าของรีสอร์ทและเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ

และเมื่อเปิดเข้าไปถึงห้องน้ำ กลับพบว่าหนุ่มสาวรายดังกล่าวนอนน้ำลายฟูมปาก และหมดสติ จากนั้นทางตำรวจจึงประสานกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้เร่งทำการช่วยเหลือ ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งญาติผู้บาดเจ็บแล้ว ก่อนที่จะสืบสวนหาสาเหตุต่อไป

ศาลอาญาสั่ง จำคุกตลอดชีวิต หนุ่มยิงสาวคลินิกดับ กลางห้างดังย่านอนุสาวรีย์ฯ พร้อมจ่ายเงินชดใช้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต อีกราว 5 แสนบาท จำคุกตลอดชีวิต หนุ่มยิงสาวคลินิกดับ – วันนี้ (7 ธ.ค.) ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาคดี ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย คือนายดนุสรณ์ นุ่มเจริญ หรือเจ อายุ 28 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร ซึ่งก่อเหตุยิงน.ส.ปิยานุช ฉัตรไทย อายุ 28 ปี ที่คลินิกภายในห้างเซ็นจูรี่ มูฟวี่ พลาซ่า ถนนพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. รวม 7 ข้อหา

คดีดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 18 ก.พ. 63 เมื่อผู้ก่อเหตุได้บุกยิง อดีตภรรยา ซึ่งเป็นพนักงานสถานเสริมความงาม กลางห้างสรรสินค้าเซ็นจูรี่ จนเสียชีวิต ก่อนจะหลบหนีไป และถูกเจ้าหน้าที่ตามจับกุมได้ในวันที่ 19 ก.พ. โดยเผยว่าสาเหตุเกิดจากความหึงหวง

ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ประหารชีวิต, ฐานใช้เอกสารราชการปลอม จำคุก 1 ปี, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครองครองฯ จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองฯ จำคุก 2 ปี รวมโทษทั้งหมดแล้วให้ประหารชีวิต

แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต และให้ชดใช้ค่าไร้อุปการะแก่บิดาผู้ตาย จำนวน 171,600 บาท ชดใช้ค่าไร้อุปการะแก่มารดาผู้ตาย จำนวน 249,600 บาท และค่าปลงศพอีก 1 แสนบาทด้วย

รถบรรทุกเลี้ยวตัดหน้า หนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์เบรคไม่ทัน ก่อนชนดับ

เด็กจบใหม่ ดีกรีอันดับ 3 การเขียนโปรแกรมระดับภาคปี 2562 ขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน แต่ถูก รถบรรทุกเลี้ยวตัดหน้า ก่อนเบรคไม่ทัน ชนเสียชีวิต วันนี้ (7 ธ.ค.) เกิดเหตุสลดในจังหวัดตราด เมื่อมีอุบัติเหตุ รถบรรทุกตัดหน้า รถจักรยานยนต์เบรกไม่ทัน ชนเข้ากลางลำ ทำให้คนขับเสียชีวิต

สำหรับผู้ขี่มอเตอร์ไซค์ ทราบชื่อคือนายศุภสิษฐ์ สรรพศรี อายุ 20 ปี พนักงานบริษัท ที่เพิ่งเรียนจบมาหมาด ๆ และมีดีกรีเป็นถึงรองชนะเลิศอันดับ 2 ทักษะการเขียนโปรแกรมควบคุมโปรแกรมเมเบิลคอลโทรลเลอร์ PLC ในระดับภาค เมื่อปี 2562

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ต่างช่วยกัน CPR และนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนผู้บาดเจ็บจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากอวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

ทางด้าน รถบรรทุกคู่กรณี คนขับคือนายเรวัต ใจแสน อายุ 46 ปี ให้การว่า ตนกำลังจะกลับรถบริเวณจุดเกิดเหตุ และเห็นรถมอเตอร์ไซค์อยู่ไกล จึงตัดสินใจเลี้ยวรถ ทว่ามอเตอร์ไซค์ของผู้เสียชีวิตได้พุ่งตรงมาด้วยความเร็ว และเบรคไม่ทัน จนชนเข้ากลางคัน

ในขณะที่พยานผู้พบเห็นเหตุการณ์กล่าวว่า รถบรรทุกคันดังกล่าวได้ตัดสินใจเลี้ยวรถอย่างกระชั้นชิด ไม่ได้ไกลอย่างที่เจ้าตัวกล่าวอ้าง มอเตอร์ไซค์จึงเบรคไม่ทัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป

เจ้าหน้าที่บุกจับกุมตัวชาย 2 คน ที่กำลังลักลอบ ขนเงินข้ามฝั่งลาว ผู้ต้องหารับสารภาพได้ค่าจ้าง 3 หมื่นบาท แลกกับการขนเงินเดือนละ 150 ล้านบาท วันนี้ (2 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย สืบทราบมาว่าจะมีการลักลอบ ขนเงินข้ามฝั่งลาว โดยไม่ผ่านศุลกากร ก่อนที่จะพบผู้ต้องหาหิ้วกล่องพัสดุของไปรษณีย์ไทย ไปท่าเรือจุดผ่อนปรน หน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน โดยมีเรือหางยาวสัญชาติลาวจอดรออยู่

หลังจากนำกำลังเข้าจับกุม ผู้ต้องหาทั้งสองรายคือ นายสุกันทา ภูมิพันธ์ อายุ 37 ปี และนายสมจิตร อินตะสอน อายุ 52 ปี พร้อมของกลางธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวน 5 มัด เป็นเงิน 5,490,000 บาท และธนบัตรใบละ 500 บาท อีก 4,500 บาท รวม 5,494,500 บาท ยอดรวมทั้งสิ้น 10,984,500 บาท

นายสุกันทา ผู้ขนเงินรับสารภาพว่า ตนเองทำงานให้บริษัทแห่งหนึ่งที่รับแลกเปลี่ยนเงิน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ฝั่งประเทศลาว และจะมีเงินโอนเข้าบัญชีทุกวัน หน้าที่ของตนก็คือถอนเงินใส่กล่องไปรษณีย์แล้วส่งไปบริษัท ผ่านเรือรับจ้าง โดยแต่ละเดือนต้องทำเช่นนี้นับ 10 ครั้ง เป็นเงินรวมกว่า 150 ล้านบาท แลกกับเงินค่าจ้างเดือนละ 30,000 บาท

ในขณะที่ นายสมจิตร คนขับเรือให้การเป็นประโยชน์กับรูปคดี เจ้าหน้าที่จึงกันไว้เป็นพยาน ก่อนส่งนายสุกันทาให้ด่านศุลกากรเชียงแสนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร